จริงอยู่ว่าใน 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล อาจจะดูสุ่มเสี่ยงจะโดนคาบ้านไปหลายครั้งจากโอกาสของ บรูโน่ แฟร์นานเดซ และ อันโตนี่ แต่เมื่อยังไม่ถูกขึ้นนำ พวกเขาก็ชิงความได้เปรียบไปก่อนจาก โคดี้ กัคโป

แม้ว่าเจ้าบ้านจะขึ้นนำ 1-0 แต่คงไม่มี ‘เดอะ ค็อป’ คนไหนจะวางใจได้ เนื่องจากผู้มาเยือนสามารถคัมแบคได้บ่อยครั้งในช่วงหลัง แต่การที่ ดาร์วิน นูนเญซ โหม่งประตูจ่อๆเข้าไปช่วยให้ทิ้งห่าง 2-0 ทำให้มีลางสังหรณ์ว่าเกมค่ำคืนนี้ คือ เกมยำใหญ่ของ ลิเวอร์พูล

และสุดท้ายก็กลายเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อสุดท้ายแล้วลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดประตูอัดดากส์เด็กๆของ เอริค เทน ฮาก เสียไม่ต้องเบ่งไป 7 เม็ด

นาทีนี้ถ้าพูดถึงความสุขของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ถ้าเทียบเป็นรอยยิ้มก็คงกว้างจนเกินหูไปถึงดาวอังคาร เพราะตลอดฤดูกาล 2022-23 พวกเขาต้องได้แต่ทนเห็นชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกทั้งยังได้แชมป์ถ้วยที่ ‘หงส์แดง’ เองก็ได้มาเมื่อปีที่แล้ว

ทุกอย่างดูเหมือนว่า กำลังจะเข้าสู่ยุคของ ‘ปีศาจแดง’ อีกครั้ง ซึ่งมองในภาพรวมก็อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ในฐานะแฟนบอลเลือด ‘สเกาเซอร์’ ก็ได้ภาคภูมิใจว่า ถ้าความสำเร็จของ ยูไนเต็ด จะเกิดขึ้น อย่างน้อยในปฏิทินของพวกเขา ก็คงไม่กล้าที่จะบันทึกเกมนัดนี้ไว้

ชัยชนะเหนือคู่ปรับตลอดกาลในเกมนี้ นอกจากจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลิกเหิมเกริมกับโอกาสลุ้น 4 แชมป์แล้ว ยังเป็นหมุดหมายสำคัญว่า ฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล ยังไม่จบ และต่อให้สุดท้ายแล้ว ‘หงส์แดง’ จะไม่จบในอันดับท็อปโฟร์ พวกเขาก็สามารถยืดอกได้อย่างเต็มที่ว่า เอาชนะศัตรูที่รักไปถึง 7 ประตู